เหตุการณ์สำคัญ ที่มาของไดโซ ซังเกียว
เมื่อ 50 ปีที่แล้วนับจากตอนนี้ ในเดือนมีนาคม 1972 บริษัทชื่อ “ยาโนะ โชเท็ง” ก่อตั้งขึ้นที่ฮิโรชิมะ แม้จะบอกว่าเป็นบริษัท แต่ก็เป็นร้านเล็กๆ ที่สามีภรรยาทั้ง 2 คนบริหารงานร่วมกัน งานที่ว่าคือการบรรทุกสินค้าเบ็ดเตล็ดและของชิ้นเล็กๆ ที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันบนรถบรรทุก และขายสินค้าขณะเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ โดยทำการขนสินค้าออกจากรถบรรทุกในปลายทางที่ไปถึงและวางขายเรียงรายลงบนไม้อัด ถ้าฝนตกก็ปิดร้าน จึงเป็นการค้าขายที่เรียกว่า “คนขายของแผงลอย” และร้านเล็กๆ ที่เคลื่อนย้ายไปเช่นนี้ได้กลายมาเป็นที่มาของไดโซ หรือไดโซ ซังเกียวในภายหลัง
การก่อตั้งในตอนนั้นได้ทำการค้าขายที่ตั้งช่วงราคาไว้หลากหลาย แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกค้าที่รอร้านเปิดถามขึ้นต่อเนื่องว่า “อันนี้เท่าไหร่?” “แล้วอันนี้เท่าไหร่?” เนื่องจากมีสินค้าจำนวนมากจึงไม่สามารถตอบได้ทันทีโดยไม่ดูรายการราคา ในเวลานั้น ฮิโรทาเคะ ยาโนะ ผู้ก่อตั้งกล่าวว่า “เราขายทั้งหมดนี้ในราคา 100 เยนได้!” เล่ากันว่านี่ก็คือจุดเริ่มต้นของรูปแบบธุรกิจที่เรียกว่า 100 เยนราคาเดียว
ยาโนะ โชเท็งได้ตัดสินใจขายสินค้าทั้งหมดในราคา 100 เยนเนื่องจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนั้น แต่ราคาที่เข้าใจง่ายนี้ก็ประสบความสำเร็จ และการค้าขายก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นร้านขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตาม วันหนึ่ง ฮิโรทาเคะ ยาโนะตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินการสนทนาของลูกค้าที่ว่า “เราเสียเงินเพื่อซื้อสินค้าราคาถูก” บริษัทขายราคาถูก แต่ไม่ได้หมายความว่าขายสินค้าที่ไม่ดีอย่างแน่นอน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เราจึงพยายามที่จะรวบรวมสินค้าคุณภาพดี ให้มากขึ้นและบางครั้งก็ขายโดยไม่ได้สนใจเรื่องผลกำไร
มีลูกค้าประหลาดใจว่า “นี่ก็ราคา 100 เยนด้วยเหรอ?” และลูกค้าที่มีความสุขว่า “ฉันซื้อของได้คุ้มค่า” ซึ่งรอยยิ้มของลูกค้าเหล่านั้นได้กลายเป็นแรงผลักดันของยาโนะ โชเท็ง
เหตุการณ์สำคัญ ถือกำเนิดร้าน 100 เยน ไดโซ
การค้าขายสินค้า 100 เยนราคาเดียวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และยาโนะ โชเท็งก็ได้ตัดสินใจวางขายในอีเวนต์พิเศษที่หน้าร้านอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต เริ่มต้นจากซูเปอร์มาร์เก็ตในท้องถิ่น จากนั้นซูเปอร์มาร์เก็ตครบวงจรรายใหญ่ก็เรียกร้องให้ไปวางขาย รวมทั้งยังได้เดินทางไปที่โตเกียวอีกด้วย โดยรถบรรทุกขนาด 4 ตันอัดแน่นไปด้วยสินค้าและวิ่งจากฮิโรชิมะโดยใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมง
ในช่วงกลางของทศวรรษที่ 1970 มีผู้ค้าบางรายในใจกลางเมืองที่ขายในราคา 100 เยนราคาเดียว แต่สินค้าของยาโนะ โชเท็งที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพอยู่เสมอนี้ก็ได้รับคำชื่นชมจากลูกค้าจำนวนมาก และสินค้าก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่เรื่องดีไปทั้งหมด แต่การค้าขายก็ดำเนินไปได้ดีตามแผนด้วยความพยายามของพนักงานที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันและจำนวนก็เพิ่มขึ้นทีละน้อย
ประมาณช่วงเวลานี้ในเดือนธันวาคม 1977 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไดโซ ซังเกียว จำกัด (Daiso Industries Co., Ltd.) ด้วยความปรารถนาที่ “อยากจะสร้างบริษัทที่มียอดขายประจำปีที่ 100 ล้านเยน”
แต่บริษัทกังวลอยู่เสมอว่าถ้าเรายังคงขายแบบเดิมต่อไปเช่นนี้ จะทำให้ลูกค้าเกิดความเบื่อหน่ายในสักวันหนึ่ง เราจึงมีการจัดเป็นอีเวนต์พิเศษ และพิจารณาไปถึงมุมเฉพาะที่รวบรวมแต่สินค้าเกี่ยวกับไอเดีย และมุมที่เน้นเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับงานฝีมือเท่านั้น เป็นต้น อีกทั้งยังเริ่มดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทขึ้นเอง
หลังจากได้ยินข่าวลือเรื่องไดโซที่ดึงดูดลูกค้าด้วยอีเวนต์พิเศษดังกล่าว ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่แห่งหนึ่งก็ถามขึ้นว่า “อยากจะเปิดร้านถาวรบนชั้น 4 ไหม” ทำให้เราเปิดร้านถาวรเป็นครั้งแรก ร้านค้าถาวรนี้ได้รับความนิยมมากกว่าที่คาดไว้และกลายเป็นที่มาของ “ร้าน 100 เยน ไดโซ (Daiso 100 Yen Shop)” และร้าน 100 เยน ไดโซ ร้านแรกในฐานะร้านค้าที่บริหารโดยตรงก็ได้เปิดตัวขึ้นในเดือนเมษายน 1991 ในเมืองทากามัตสึ จังหวัดคางาวะ จากตรงนี้เองที่การขยายร้านสาขาอย่างเต็มรูปแบบได้เริ่มต้นขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น
เหตุการณ์สำคัญ มุ่งสู่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดที่ไม่ธรรมดา
ฟองสบู่แตกเกิดขึ้นในปี 1991 และมันได้พลิกกลับเมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามได้เพิ่มขึ้นสู่จุดสูงสุด ความก้าวหน้าอย่างมั่นคงของไดโซเริ่มต้นในฐานะ “นักปฏิวัติในภาวะเงินฝืด” ซึ่งประจวบเหมาะกับการที่ทั่วโลกได้ผูกเชือกกระเป๋าสตางค์ไว้แน่นในคราวเดียว เราทำให้สินค้ามีราคา 100 เยนและมีคุณภาพสูงอย่างที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ นี่ถือเป็นอัญมณีใหม่ซึ่งเป็นที่ต้องการในยุคของภาวะเศรษฐกิจถดถอยระยะยาวที่ไม่เคยมีมาก่อน
เราบรรลุร้านสาขา 300 แห่งในปี 1996 และเพียง 3 ปีต่อมา ในปี 1999 จำนวนร้านสาขาทั่วญี่ปุ่นก็เพิ่มเป็น 4 เท่าโดยมีถึง 1,200 ร้านสาขา ในช่วงพีคเราเร่งรีบเปิดร้านใหม่ 2 ร้านสาขาทุกวันและเปิดมากกว่า 60 ร้านสาขาขึ้นไปต่อเดือน เหล่าพนักงานที่ไม่รู้ว่าจะเปิดร้านใหม่เมื่อไหร่และที่ไหนมักจะมีกระเป๋าเดินทางที่ใส่เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนในช่วง 1 สัปดาห์ติดตัวไปด้วยอยู่เสมอและบินเดินทางไปทั่วญี่ปุ่น
จากยอดขาย 5 พันล้านเยนในปี 1987 ก็ได้ทะลุ 100 พันล้านเยนเป็นครั้งแรกในปี 2000 และในปีถัดมานั้นก็มีร้านสาขาถึง 2,000 แห่งทั่วญี่ปุ่นและมียอดขาย 202 พันล้านเยน พื้นที่ขายซึ่งเริ่มจากร้านเล็กๆ ซึ่งเป็นร้านที่บริหารโดยตรงแห่งแรกขนาด 30 สึโบะ (99.17 ตร.ม.) ในปี 1991 ก็ค่อยๆ ขยายออกไป และในปี 2000 ร้านไดโซขนาด 2,000 สึโบะ (6,612 ตร.ม.) ที่กินพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 1-5 ทั้งหมดอย่าง “สาขา The Daiso Giga Machida” ก็ได้เปิดให้บริการ
การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดอย่างมากที่ “ไม่ธรรมดา” อย่างแท้จริงนี้ก็ได้รับการยอมรับจากวงการธุรกิจและได้รับ “รางวัลผู้ประกอบการที่มีส่วนช่วยเหลือการค้าระหว่างประเทศ” ซึ่งเป็นรางวัลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศปี 1997 และได้รับรางวัล “1999 Venture of the Year (สาขาหุ้นนอกตลาด)” อย่างต่อเนื่อง
จากนั้นไดโซที่ก่อให้เกิดกระแสทั่วญี่ปุ่นนี้ในที่สุดก็ได้เริ่มดำเนินการที่ต่างประเทศในปี 2001
เหตุการณ์สำคัญ การท้าทายในต่างประเทศ
ในปี 2001 ร้านสาขาในต่างประเทศแห่งแรกได้เปิดขึ้นที่ไต้หวันเป็นร้าน 39 หยวน ซึ่งมีการรายงานข่าวอย่างกว้างขวางทางทีวีและหนังสือพิมพ์ ชื่อร้านจึงเป็นที่รู้จักไปทั่วไต้หวัน และในตอนช่วงแรกของการเปิดร้านก็ได้รับความสนใจอย่างมากถึงขนาดมีผู้คนมากมายมาต่อแถวหน้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่
จากนั้นในปี 2002 ไดโซได้เปิดร้านขนาดใหญ่พื้นที่ 850 สึโบะ (2,810 ตร.ม.) ที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ในต่างประเทศ และมีราคาต่อหน่วยสินค้าเท่ากันหมดที่ 2 ดอลลาร์ จนเป็นที่นิยมในฐานะ “ร้าน 2 ดอลลาร์” และขายดีแบบเทน้ำเทท่า
ด้วยอิทธิพลดังกล่าว ในปี 2003 ได้เปิดร้านขนาดใหญ่พื้นที่ 700 สึโบะ (2,314 ตร.ม.) เป็นสาขาแวนคูเวอร์ในประเทศแคนาดา และขายในราคาเท่ากันหมดที่ 2 ดอลลาร์แคนาดา ราคาเป็นสองเท่าท่ามกลางร้านที่ขาย 1 ดอลลาร์ราคาเดียวยืนพื้นอยู่แล้วในท้องถิ่น แล้วเราจะขายได้จริงหรือ แต่เมื่อลองเปิดร้าน ลูกค้ามากมายก็ต่างมารวมตัวกัน สินค้าในส่วนของ 3 ตู้คอนเทนเนอร์ที่พิจารณาว่าต้องมีไว้ขายในช่วงหลายสัปดาห์กลับขายหมดภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ผลจากการฝึกฝนจากลูกค้าในญี่ปุ่นที่มีมุมมองอันเข้มงวด และการพัฒนาสินค้าต่อเนื่องอย่างเต็มที่ ถ้าเราสามารถจัดหาสินค้าคุณภาพดีให้แก่ลูกค้าในท้องถิ่นได้ เราก็จะได้รับการยอมรับแม้ในต่างประเทศเช่นกัน และนั่นคือตอนที่เรารู้สึกถึงการตอบสนองเหล่านั้นต่ออีกฝ่ายไปทั่วโลก
จากนั้นด้วยการใช้ความสำเร็จนี้เป็นโอกาส จึงมีการติดต่อสอบถามจากบริษัทต่างๆ ในแต่ละประเทศเข้ามามากมาย และเราได้ขยายสาขาอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่ในเอเชียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในสหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกาด้วย
เราเปิดร้านสาขาใน 10 ประเทศทั่วโลกในปี 2005, เปิดร้านใน 20 ประเทศในปี 2008 และเปิดร้านใน 27 ประเทศและภูมิภาคในปี 2020 รวม 5,741 สาขา
ไดโซที่ถือกำเนิดขึ้นที่ฮิโรชิมะสามารถเติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทเพื่อโครงสร้างพื้นฐานในการใช้ชีวิตและช่วยสนับสนุนการดำเนินชีวิตของลูกค้าทั่วโลกในชั่วพริบตา
HISTORY ไดโซ หวนระลึกครั้งใหญ่
ในตอนนั้นไดโซคือ...
เหตุการณ์สำคัญ
ความลับเบื้องหลังสินค้ายอด
ฮิตและการพัฒนาในขณะนั้น
การก่อตั้ง
“ผมอยากขายสินค้าคุณภาพดีที่ทำให้ลูกค้ามีความสุข” “ผมอยาก “สร้าง” บริษัทขนาด “ใหญ่” ที่มียอดขายประจำปี 100 ล้านเยน” เหล่านี้เป็นคำพูดในตอนที่เริ่มต้นบริษัทของฮิโรทาเคะ ยาโนะ ผู้ก่อตั้งไดโซ จากนั้นเราจะมามองย้อนกลับไปยัง DNA และประวัติของไดโซ ที่ตอนนี้ผ่านมาครึ่งศตวรรษแล้ว
ที่มาของไดโซ ซังเกียว
ช่วงที่ก่อตั้งในปี 1972
1972.3
วิกฤตน้ำมันครั้งที่ 1
1973.10
ถือกำเนิดร้าน 100 เยน ไดโซ
วางขายสินค้าหน้าร้านที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในราคา “100 เยนราคาเดียว”
1977.12
วิกฤตน้ำมันครั้งที่ 2
1979.1
ข้อตกลงพลาซา
ยุคที่ค่าเงินเยนแข็งตัวมาถึง
1985.9
เปิดสำนักงานขายที่โตเกียว
1980
เปิดสำนักงานขายที่คิวชู
1981
เปิดสำนักงานขายที่โอซาก้า
1986
ร้านที่บริหารโดยตรงแห่งแรกของไดโซ
เปิดที่ทากามัตสึ
มุ่งสู่การพัฒนาอย่างก้าว
กระโดดที่ไม่ธรรมดา
DAISO ที่ก่อให้เกิดกระแสทั่วญี่ปุ่น
ฟองสบู่แตก
1991
บรรลุ 300 ร้านสาขาในญี่ปุ่น
1996
1996
1991
การท้าทายในต่างประเทศ
DAISO ที่เปิดร้านอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศ
บรรลุ 1,200 ร้านสาขาในญี่ปุ่น
1999
บรรลุ 2,000 ร้านสาขาในญี่ปุ่น
2001
2001
ร้านสาขาแห่งแรกในต่างประเทศ
เปิดร้านที่ไต้หวัน
2001
ปิดร้านที่สิงคโปร์
2002
เปิดร้านที่แคนาดา
2003
ประสบความสำเร็จในการเปิดร้าน
ใน 10 ประเทศทั่วโลก
2005
ประสบความสำเร็จในการเปิดร้าน
ใน 20 ประเทศทั่วโลก
2008
ประสบความสำเร็จในการเปิดร้าน
ใน 27 ประเทศทั่วโลก
2020
เร็วๆ นี้